top of page

ศาลเจ้ายายหอมเลี้ยงเป็ด กับตำนานพื้นบ้านที่โบราณสถาน จ.นครปฐม

เผยแพร่ครั้ง 1 มิ.ย. 2561


พระประโทณเจดีย์


เมืองนครปฐมโบราณเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาเมืองในสมัยทวารวดี ตั้งอยู่ในบริเวณดินดอนสามเหลี่ยมแม่น้ำ เจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ในพื้นที่ระหว่างแม่น้ำแม่กลองและแม่น้ำท่าจีน โดยมีลำน้ำสายต่าง ๆ ที่เชื่อมระหว่างแม่น้ำทั้งสองสายและไหลไปออกทะเลอ่าวไทยทางทิศใต้ ลำน้ำที่สำคัญ ได้แก่ คลองบางแก้ว และ คลองบางแขม ทั้งสองลำน้ำไหลมาจากแม่น้ำแม่กลองแล้วไหลมาจรดที่แม่น้ำท่าจีน 


ลักษณะผังเมืองของเมืองนครปฐมโบราณเป็นเมืองสี่เหลี่ยม มุมมนขนาดใหญ่ ตัวเมืองมีความกว้างประมาณ ๒ กิโลเมตรและยาวประมาณ ๓.๖ กิโลเมตร ไม่มีคันดินแต่มีคลองคูเมืองล้อมรอบ  โดยเมืองนครปฐมโบราณพบโบราณสถาน และหลักฐานทางโบราณวัตถุในสมัยทวารวดีเป็นจำนวนมาก


ปัจจุบันผู้ที่ผ่านมาจังหวัดนครปฐมก็คงไม่พลาดที่จะไปเยี่ยม ชม “พระปฐมเจดีย์” เจดีย์องค์ใหญ่ที่เป็นศาสนสถานสำคัญและโดดเด่นของจังหวัดนครปฐม สร้างขึ้นครอบพระเจดีย์องค์เดิมในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  


อย่างไรก็ตาม โบราณสถานที่มีขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม ที่อยู่ไม่ไกลกับพระปฐมเจดีย์มากนัก คือ “เจดีย์พระประโทณ” พระมหาเจดีย์กลางเมืองโบราณในยุคทวารวดี 


ในบริเวณพระประโทณเจดีย์นี้มีศาลที่มีตุ๊กตาเป็ดถวายแก้บนอยู่จานวนมาก มีทั้งแบบปูนปั้นกระเบื้องแทนที่จะเป็นตุ๊กตา ไก่หรือหุ่นทหารที่นำมาแก้บนตามที่เห็นบ่อยๆ ตามศาลในหลายที่ ศาลแห่งนี้คือ “ศาลยายหอม” ที่เกี่ยวข้องกับ “ตำนานพระยากง-พระยาพาน” ตำนานท้องถิ่นที่พูดถึงการสร้างพระปฐมเจดีย์และเจดีย์พระประโทณและชื่อบ้านนามสถานที่สำคัญของเมืองนครปฐมโบราณ มีจดไว้เป็นลายลักษณ์ ๓ ฉบับ คือฉบับพิมพ์อยู่ในพงศาวดารเหนือ น่าจะเป็นฉบับที่เก่าแก่ที่สุดเพราะเป็นเอกสารสมัยอยุธยา และอีก ๒ ฉบับ อยู่ในหนังสือเรื่องพระปฐมเจดีย์ของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์  (ขำ บุนนาค) ได้มาจากตาปะขาวรอตฉบับหนึ่งกับอีกฉบับหนึ่งได้มาจาก พระยาราชสัมภารากร แต่เป็นเรื่องเดียวกัน เจ้าพระยาทิพากรวงศ์จึงคัดรวมขึ้นเป็นเรื่องเดียวกัน 


พระยากงเป็นผู้ครองเมืองนครชัยศรี (บางแหล่งบอกว่าเป็น เมืองกาญจนบุรี) เป็นกษัตริย์ที่มีความสามารถปกครองบ้านเมืองและประเทศราชอย่างมีความสุข พระองค์และพระอัครมเหสีได้บำเพ็ญทานและรักษาศีลอย่างหนักแล้วตั้งจิตอธิษฐานเพื่อขอบุตรไว้สืบสันตติวงศ์ ต่อมาพระอัครมเหสีได้ตั้งครรภ์และคลอดพระโอรสรูปงามผิวพรรณดี  ซึ่งในพิธีคลอดนั้นได้นำพานไปรองรับพระโอรสแต่ศีรษะของ พระโอรสได้กระทบกับขอบพานทอง เกิดเหตุอัศจรรย์พานทองที่แข็งแรงนั้นบุบยุบลงไป โหรจึงกราบทูลว่าพระราชกุมารนี้มีบุญมากนัก ใจก็ฉกรรจ์ และจะได้เป็นกษัตริย์สืบต่อจากพระองค์ แต่ในอนาคตพระโอรสองค์นี้จะทำ “ปิตุฆาต”   


พระยากงปริวิตกในคาทำนาย จึงมีคำสั่งให้เอาพระกุมารไปฆ่าเสีย ฝ่ายอัครมเหสีได้ติดสินบนเพชฌฆาตให้ฆ่าเด็กทารกอื่นแทน แล้วให้นำพระโอรสของนางไปให้ “ยายหอม” หญิงชาวบ้านผู้มีอาชีพเลี้ยงเป็ดเป็นคนเลี้ยงดู พร้อมให้ตั้งชื่อว่า “พานทอง” ยายหอมซึ่งได้รับคำสั่งของอัครมเหสีจากเพชฌฆาตก็ทำตามด้วยความรักและความเมตตาในชะตากรรมของพระโอรสน้อยผู้น่าสงสาร เลี้ยงดูพระโอรส อย่างดีเหมือนกับลูกของตนเองและได้พาไปฝากเรียนหนังสือกับพระอุปัชฌาย์ผู้เก่งกาจในแถบนั้น จนเมื่อครั้นเจริญวัยใหญ่ขึ้น ยายหอมจึงได้เอาพานทองไปให้พระยาราชบุรีเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม (บาง แหล่งบอกสุโขทัย) และได้รับราชการอยู่กับพระยาราชบุรีจนมีความดีความชอบมากมาย จนได้ขึ้นเป็นอุปราชเมืองราชบุรี  


ในปีหนึ่งของเมืองราชบุรีเกิดฝนแล้งไม่ตกต้องตามฤดูกาล ข้าวยากหมากแพง ประชาชนเดือดร้อนอย่างหนัก ไม่มีเครื่องราชบรรณาการดอกไม้เงิน ดอกไม้ทองที่จะส่งให้กับนครชัยศรี พระอุปราชพานทองเห็นว่าปีนี้ไม่ต้องส่งเครื่องราชบรรณาการให้กับเมืองนครชัยศรี เพราะบ้านเมืองของเรากำลังลำบากมาก พระยาราชบุรีบอกว่าทำอย่างนั้นไม่ได้เด็ดขาด  พระอุปราชทรงยืนยันและจะขอต่อสู้และปกป้องเมืองราชบุรีเองหากพระยากงยกทัพมา ฝ่ายพระยากงทราบดังนั้นก็พิโรธจัด จึงสั่งยกทัพบุกตีเมืองราชบุรีที่แข็งขืนไม่ยอมส่งเครื่องราชบรรณาการและไม่ยอมอ่อนน้อม ยกทัพใหญ่มาตีเมือง ราชบุรีด้วยพระองค์เอง พระอุปราชพานทองจึงอาสายกทัพออกมาสู้ศึก ออกมาสู้กันอยู่ที่แขวงเมืองนครชัยศรี และทั้งคู่ได้กระทำยุทธหัตถี รบกันบนหลังช้าง พระยากงพลาดท่าเสียทีถูกอุปราชพานทองฟันพระศอด้วยของ้าวขาดสิ้นพระชนม์บนหลังช้างศึกกลางสนามรบ ที่อันนั้นจึงเรียกว่า “ถนนขาด” มาจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันอยู่ตำบลถนนขาดทางที่จะไปเนินโบราณสถานดอนยายหอมทางใต้ของเมืองโบราณนครปฐม 


เมืองนครชัยศรีจึงต้องตกเป็นเมืองขึ้นของราชบุรี  พระยาราชบุรีจึงยกเมืองนครชัยศรีให้พระองค์ปกครอง ซึ่งทรัพย์สมบัติ ข้าทาส บาทบริจาริกา สนมนางใน และพระมเหสีของเมืองนครชัยศรี ก็ต้องตกเป็นสมบัติของพระองค์โดยปริยาย ในวันหนึ่งพระยาพานมีพระประสงค์จะเข้าไปบรรทมกับพระมเหสีของพระยากง เทพยดาจึงนิรมิตรเป็นสัตว์ บางแหล่งบอกว่าเป็นแพะ บางแหล่งบอกเป็นวิฬาร์แม่ลูกอ่อนนอนขวางบันไดปราสาทอยู่  เมื่อพระยาพานเดินข้ามสัตว์แม่ลูกไป ลูกสัตว์จึงว่ากับแม่ว่า ท่านเห็นเราเป็นสัตว์เดรัจฉานท่านจึงข้ามเราไป แม่สัตว์จึงว่ากับลูกว่านับประสาอะไรกับเราเป็นสัตว์เดรัจฉาน “แต่มารดาของท่าน ท่านยังจะเอาเป็นเมีย”


พระยาพานได้ยินเช่นนั้นจึงเกิดความสงสัย เมื่อเข้าไปถึงห้องพระมเหสีจึงตั้งสัจอธิษฐาน หากพระอัครมเหสีเป็นมารดาของพระองค์จริงก็ให้ปรากฏว่ามีน้ำนมไหลออกมาจากถันยุคลให้เห็น ในระหว่างที่สนทนากันอยู่นั้นน้ำนมจากถันของพระมเหสีก็ได้ไหลซึมและไหลย้อยออกมานอกเสื้อทรงของพระนาง พระยาพานทองเห็นดังนั้นจึงรีบลุกจากพระที่นั่งลงมานั่งกับพื้นแล้วกันแสงแล้วก้มกราบพระมารดาแนบพื้น พระมารดาตกพระทัยแต่พอจะอนุมานได้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะคำทำนายโหรบอกว่าใครคือคนที่จะฆ่าพระยากง ทั้งสองแม่ลูกจึงได้สอบถามและบอกเรื่องราวที่มาที่ไปของกันและกัน  


พระยาพานจึงโกรธยายหอมที่รู้เรื่องทั้งหมดแต่ไม่ยอมบอก จึงเป็นเหตุกระทำปิตุฆาต จึงจับยายหอมฆ่าทิ้งเสีย ยายหอมเมื่อจะตายนั้นก็รำเย้ยให้ ครั้นตายแล้วแร้งลงกินศพยายหอม คนจึงเรียกที่นั้นว่าอีรำท่าแร้ง บ้านยายหอมจึงเรียกว่า “โคกยายหอม” มาจนทุกวันนี้ ปัจจุบันคือ ตำบลดอนยายหอม อำเภอเมืองนครปฐม ชะตากรรมยายหอมผู้ซื่อสัตย์ต้องมาจบชีวิตลง คนทั้งปวงจึงเรียกพระยาพานทองว่า “พระยาพาล” ด้วยเหตุฆ่าบิดากับยายหอมผู้มีพระคุณ


ศาลยายหอมที่อยู่ในบริเวณวัดดอนยายหอม


ฝ่ายพระยาพานเมื่อพระทัยเย็นลงแล้ว ก็พิจารณาใคร่ครวญเรื่องราวต่าง ๆ อย่างแจ่มแจ้ง เมื่อได้สติพระยาพานเสียพระทัยที่พระองค์ได้ทำกรรมอันหนักหนาและใหญ่หลวงต่อผู้มีพระคุณถึงสองท่าน ไม่เป็นอันกินอันนอนด้วยเกรงกลัวในบาปอันมหันต์นี้ยิ่งนัก จึงประชุมพระอรหันต์แลสงฆ์ทั้งปวง ว่าจะทำกุศลสิ่งใดกรรมนั้นจะเบาบางลงได้บ้าง พระอรหันต์จึงว่าให้สร้างพระเจดีย์สูงใหญ่เท่ากับนกเขาเหิน ถวายเป็นพุทธบูชาเพื่ออุทิศบุญให้กับพระยากงพระบิดา แล้วสร้างพระเจดีย์ใหญ่อีกองค์อุทิศให้ยายหอมก็จะทำให้ได้บุญกุศลมาก และกรรมหนักนั้นจะได้เบาบางลงบ้าง   หนังสือบางแห่งว่าพระอรหันต์ที่มาประชุมนั้นท่านชื่อพระคิริมานนท์ ชื่อพระองคุลิมาร และที่ประชุมพระอรหันต์นั้นจึงเรียกว่า “ธรรมศาลา” มาจนถึงทุกวันนี้    


ศาลยายหอมที่อยู่ในบริเวณวัดพระประโทณเจดีย์


พระยาพานได้ฟังดังนั้นก็เลื่อมใสศรัทธา จึงดำรัสสั่งให้เสนาบดีคิดการสร้างพระเจดีย์ใหญ่สูงเท่านกเขาเหิน (นกเขาบิน) จึงได้ก่อสร้างพระเจดีย์ครอบพระปฐมเจดีย์องค์เก่าให้ใหญ่สวยงาม และสูงเท่ากับนกเขาเหินเพื่ออุทิศบุญกุศลให้กับพระบิดาคือพระยากง และ ได้สร้างพระประโทณเจดีย์อย่างสวยงามและใหญ่โตอีกแห่งหนึ่ง เพื่ออุทิศบุญกุศลให้กับยายหอมผู้เป็นแม่เลี้ยงของพระยาพาน  


ปัจจุบันที่วัดพระประโทณเจดีย์ มี “ศาลยายหอม” ที่อยู่ข้าง กันกับเจดีย์พระประโทณ ภายในศาลมีรูปปั้นยายหอมกับเด็ก และจะพบผู้คนที่ศรัทธานำตุ๊กตารูปปั้นเป็ดมาถวายเป็นจำนวนมาก  


สาเหตุที่นิยมนำเป็ดมาเป็นของถวายก็ไม่มีอะไรซับซ้อน มากกว่าในตำนาน ที่ว่า “ยายหอมมีอาชีพเลี้ยงเป็ด” ทั้งนี้ก็เพื่อความศรัทธาและนำมาแก้บนสำหรับผู้ที่มาขอกับศาลยายหอม  อย่างไรก็ตามศาลยายหอมยังมีอีกที่หนึ่งคือที่ “เนินพระ” ตำบลดอนยายหอม อำเภอเมืองนครปฐม ที่ห่างจากกันประมาณ ๘-๙ กิโลเมตร ชาวบ้าน เรียกว่า “วัดโคกยายหอม” ที่เชื่อกันว่ายายหอมผู้เลี้ยงพระยาพานตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณนี้ตามตำนาน และที่แห่งนี้ก็เป็นแหล่งโบราณสถาน สำคัญอีกแห่งหนึ่ง 


ศาลยายหอมข้างพระประโทณเจดีย์จึงมีที่มาจากตำนานท้องถิ่นประจำเมืองนครปฐมโบราณนั่นเอง


พชรพงษ์ พุฒซ้อน


อ่านเพิ่มเติมได้ที่:



Comentarios


เกี่ยวกับมูลนิธิ

เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศล ลำดับที่ ๕๘๐ ของประกาศกระทรวงการคลังฯ เผยแพร่ความรู้และความเข้าใจทางสังคมวัฒนธรรมในท้องถิ่นต่างๆ และเพื่อสร้างนักวิจัยท้องถิ่นที่รู้จักตนเองและรู้จักโลก

SOCIALS 

© 2023 by FEEDs & GRIDs. Proudly created with Wix.com

bottom of page